user@host:~$ java -version The program 'java' can be found in the following packages: * gij-4.3 * java-gcj-compat-headless * openjdk-6-jre-headless * cacao * cacao-oj6-jre-headless * gij-4.2 * jamvm * kaffe Try: sudo apt-get install > selected package>จากนั้นต่อไปเป็นการติดตั้ง Sun JDK ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ใน terminal:
user@host:~$ sudo apt-get install sun-java6-jdk Password: Reading package lists... Done Building dependency tree Reading state information... Done ...เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วให้ทำการตรวจสอบอีกครั้ง [java -version]
user@host:~$java -version java version "1.6.0" Java(TM) SE Runtime Environment (build 1.6.0-b105) Java HotSpot(TM) Server VM (build 1.6.0-b105, mixed mode)ถ้า Sun JDK ไม่ได้ถูกเชตค่าเป็น default,สามารถกำหนดได้โดยการพิมพ์:
user@host:~$ sudo update-alternatives --config java There are 2 programs which provide 'java'. Selection Alternative ----------------------------------------------- * 1 /usr/bin/gij-wrapper-4.1 + 2 /usr/lib/jvm/java-6-sun/jre/bin/java Press enter to keep the default[*], or type selection number: 2 Using `/usr/lib/jvm/java-6-sun/jre/bin/java' to provide `java'.
การติดตั้ง Java ใน Fedora/Red Hat
[user@host ~]$ java -versionหลังจากที่เชคเสร็จแล้วหากยังไม่ได้ติดตั้งก็ทำการติดตั้งโดยใช้คำสั่งต่อไปนี้ ใน terminal:
[user@host ~]$ sudo yum install sun-java6-jdk Loaded plugins: refresh-packagekit Setting up Install Process ...เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วให้ทำการเชคอีกรอบ [java-version]
[user@host ~]$ java -version java version "1.6.0_0" OpenJDK Runtime Environment (IcedTea6 1.5) (fedora-22.b16.fc11-i386) OpenJDK Client VM (build 14.0-b15, mixed mode)If Sun JDK is not set as default, change this using:
[user@host ~]$ sudo update-alternatives --config java There are 2 programs which provide 'java'. Selection Command ----------------------------------------------- *+ 1 /usr/lib/jvm/jre-1.6.0-openjdk/bin/java 2 /usr/lib/jvm/jre-1.5.0-gcj/bin/java Enter to keep the current selection[+], or type selection number: 2
เพื่อ ที่ตั้งค่า JAVA_HOME ในระบบปฏิบัติการ linux เราต้องทำการแก้ไขไฟล์ใน [/etc/profile] , โดยใช้คำสั่งที่อยู่ด้านล่าง. path ของ JAVA_HOME ที่ต้องใช้ก็คือ path ของจาวาที่เราได้ติดตั้งไปแล้ว ซึ่งที่อยู่ที่ติดตั้ง คือ [/usr/lib/jvm/java-6-sun] สำหรับ Ubuntu และ [/usr/lib/jvm/java-6-sun] ใน Fedora.
วิธีการมี 2 วิธีคือการเปิด terminal มาแล้ว set ทุกครั้งหรือว่า ไปตั้งค่าไว้เลยให้มันจำเลย เอาเป็นว่ามาดูกันทั้ง 2 วิธีเลยครับ
วิธีการ set โดยการเปิด terminal มาแล้ว set
1. เปิด terminal ขึ้นมา
2. ใช้คำสั่ง
3. เลื่อนลงบันทัดสุดท้าย เพิ่มข้อความ
4. เสร็จแล้วลองปิดและเปิด terminal ใหม่เราก็สามารถใช้คำสั่งใน folder นั้นได้แล้ว
5. หากต้องการ set อย่างอื่นก็ทำคล้ายๆกันครับเช่น
ดูผลลัพธ์ของการติดตั้งได้โดยพิมพ์คำสั่งดังต่อไปนี้ ใน terminal: วิธีการ set โดยการเปิด terminal มาแล้ว set
- เปิด terminal ขึ้นมา
- ใช้คำสั่ง
export PATH=$PATH:/home/mlri/Desktop/Work/jruby-1.1.6/bin
- เป็นอันว่าเรียบร้อยสามารถใช้งานได้เลย
1. เปิด terminal ขึ้นมา
2. ใช้คำสั่ง
nano ~/.bashrc
3. เลื่อนลงบันทัดสุดท้าย เพิ่มข้อความ
PATH=$PATH:/home/mlri/Desktop/Work/jruby-1.1.6/bin
4. เสร็จแล้วลองปิดและเปิด terminal ใหม่เราก็สามารถใช้คำสั่งใน folder นั้นได้แล้ว
5. หากต้องการ set อย่างอื่นก็ทำคล้ายๆกันครับเช่น
JAVA_HOME=”/usr/lib/jvm/java-6-sun” CLASSPATH=.:/usr/lib/jvm/java-6-sun JRUBY_HOME=”/home/mlri/Desktop/Work/jruby-1.1.6″
echo $JAVA_HOME /usr/lib/jvm/java-6-sunถ้าขึ้นลักษณะนี้แสดงว่าเรียบร้อยแล้วครับ.
0 comments:
Post a Comment